➜ จากจุดเริ่มต้นความต้องการคัสตอมฟอนต์ (Custom Font) ที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา สู่ผลลัพธ์ของ ‘LOGA’ แบบตัวอักษรที่ผสมผสาน ‘ความเป็นไทย’ และ ‘ไอที’ เอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นักออกแบบจัดการกับโจทย์ความเรียบง่ายบนความต่างอย่างไร? ความเป็นไทยและไอทีเข้ามาช่วยสร้างความโดดเด่นให้แบบตัวอักษรได้มากน้อยแค่ไหน? การออกแบบน้ำหนักเดียวส่งผลต่อกระบวนคิดหรือวิธีเข้ากระทำอย่างไร? ติดตามอ่านเบื้องหลังการออกแบบได้ในบทความนี้

LOGA

Nalat Jaturapattarapong

<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_1_def8ae17a6.jpg"></figure> คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าการทำคัสตอมฟอนต์ (Custom Font) เป็นเพียงการออกแบบ ‘ตัวอักษร’ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำคัสตอมฟอนต์ยังสามารถ ‘คัสตอมฟีเจอร์’ ที่มีให้เลือกมากมายหลายแบบ ดังเช่นชุดตัวอักษร LOGA (โลกา) ที่ คัดสรร ดีมาก บรรจุฟังก์ชันการเรียกใช้งานพิเศษเอาไว้ให้ทีมงานเรียกใช้โลโก้ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียกใช้ในอาร์ตเวิร์กสิ่งพิมพ์ หรือจะแอดวานซ์ขึ้นในการเรียกใช้เป็นเว็บฟอนต์ เพียงพิมพ์คำว่า LOGA ตามด้วย * โลโก้ของ LOGA ก็จะปรากฏขึ้น นับเป็นหนึ่งในไอเดียการพลิกแพลงที่ไม่ใช่เพียงการนำโลโก้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ยังสามารถแสดงความเป็นเจ้าของฟอนต์ของแบรนด์ไปพร้อมกับการใช้งานได้จริง &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_2_ce1f58a8a0.jpg"></figure> อย่างที่ทุกคนเห็นข้างต้นว่าโลโก้ของ LOGA มีความเป็นไทยค่อนข้างสูง การออกแบบตัวอักษรที่จะนำมาใช้ควบคู่กับโลโก้จึงเป็นหนึ่งในโจทย์สำคัญของทีมออกแบบที่ต้องทำงานร่วมกันกับแบรนด์ว่า แบบตัวอักษรประเภทใดที่จะสามารถใช้งานร่วมกันกับโลโก้นี้ได้อย่างลงตัว ไม่ขัดเขิน และไม่แย่งกันโดดเด่น โดย LOGA ได้เสนอความต้องการหลักในการทำคัสตอมฟอนต์มาให้ทีมออกแบบสองกรอบใหญ่ๆ คือ หนึ่ง ความต้องการในการใช้งานตัวอักษรที่ควรมียืดหยุ่นสูง ไม่รสจัดจนเกินไป นำไปใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ และ สอง ความต้องการในการนำเสนอตัวตนบนโจทย์ของความเป็นสากลของแบรนด์ ซึ่งส่วนหนึ่งได้แสดงเจตจำนงนั้นผ่านแบบโลโก้ที่เลือกใช้มาตั้งแต่ก่อตั้ง จากสองกรอบความต้องการข้างต้นของ LOGA นับเป็นความต้องการที่สอดคล้องกับกระบวนคิดของทีมออกแบบ ที่เล็งเห็นว่าการเลือกใช้แบบตัวอักษร ‘ไม่จำเป็นต้องตะโกนเรื่องของความแตกต่างเป็นลำดับแรก’ ที่สำคัญคือต้องสามารถใช้ควบคู่ไปกับโลโก้ LOGA ได้อย่างลงตัว การตกแต่งตัวอักษรที่มีรสชาติจัดจ้านจึงไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจ ในทางกลับกัน การออกแบบตัวอักษรของ LOGA มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดการเข้ากันแบบคอนทราสต์ เพราะมิเช่นนั้นจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างโลโก้และตัวหนังสือ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงข้อจำกัดในการเลือกทำคัสตอมฟอนต์ 1 น้ำหนัก ที่ทีมออกแบบต้องคำนึงถึง ‘น้ำหนัก’ และ ‘แบบที่เหมาะสมกับน้ำหนักที่เลือก’ เพื่อให้เกิดการใช้งานได้ในหลายโอกาส สถานการณ์ และแพลตฟอร์ม &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_3_64aad3a82b.jpg"></figure> เมื่อขมวดรวมความต้องการของแบรนด์เสร็จสิ้น คัดสรร ดีมาก จึงดำเนินการหา ‘องค์ประกอบ’ ที่ตอบโจทย์ของ LOGA โดยทีมออกแบบเลือกดึงสิ่งที่มีอยู่แล้วของแบรนด์อย่าง ‘ความเป็นไทย’ และ ‘ไอที’ เข้ามาเป็นสองคีย์หลัก &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_4_ff044d576e.jpg"></figure> โดยมีการหยิบยืม ‘ความคม (Sharpness)’ บางส่วนจากลายไทยบนโลโก้ในดีกรีที่พอประมาณ ในจังหวะที่ใช้ได้จริง โดยพยายามไม่ล้ำเส้นทางการออกแบบเข้าไปในการตกแต่งประยุกต์ใช้กับแบบตัวอักษร ดังจะเห็นได้จากบริเวณปลายแหลมของ M และบริเวณหัวแตกของ ต ที่นำความคมของลายไทยเข้ามาทำปฏิกิริยากับฟอร์มตัวอักษร เช่นเดียวกันกับ n และ น ที่อาศัยความคมและลักษณะการสะบัดเส้นของลายไทยในการเซาะร่องบริเวณหัวและหาง ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทยแบบสากลเข้ามาในแบบตัวอักษร การหยิบยืมลักษณะของลายไทยอื่นๆ จึงถูกขมวดรวมเข้ามาในกระบวนการคิด โดย ‘ลายประจำยาม’ ซึ่งมีลักษณะเป็น ‘สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด’ ที่ตอบโจทย์ ‘ความคม’ และฟอร์มที่มี ‘ความสากล’ จึงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในชุดตัวอักษรนี้ ดังจะเห็นได้ในบริเวณ‘Tittle’ หรือ ‘Superscript Dot’ หรือจุดด้านบนตัว i และ j รวมถึงการถูกหยิบยืมมาใช้ในฐานะ ‘หัว’ ของตัวอักษรอย่าง ฃ, ซ, ฑ, ฆ ไปจนถึงการใช้ฟอร์มสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดของลายประจำยามในตัว ย เพื่อการเซาะหยัก &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_5_5291a8f2e7.jpg"></figure><figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_6_894e51b421.jpg"></figure> ขณะเดียวกันในส่วนของความเป็น ‘ไอที’ นั้น ทีมออกแบบเลือกใช้วิธีเข้ากระทำแบบ Modular ในส่วนของโครงสร้างตัวอักษร ที่ถูกเลือกมาเพื่อรองรับกับวิธีคิดที่สอดคล้องกับความเป็นไอทีและเทคโนโลยี ที่ช่วยสะท้อนถึง LOGA ที่เป็นแบรนด์ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับอุตสาหกรรมเกม&nbsp; โดยโครงสร้างแบบ Modular ที่กล่าวถึงนี้ เป็นการนำแต่ละส่วนของตัวอักษรมาประกอบเข้าด้วยกัน ดังจะเห็นได้ชัดจากตัวละตินอย่าง K, N, R, W และตัวไทยอย่าง ค, พ, ห ที่เผยให้เห็นข้อต่อของแต่ละส่วนซึ่งสามารถแยกออกจากกันได้ &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_7_1cf5f0b749.jpg"></figure><figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_8_94dfbd6761.jpg"></figure> ไม่เพียงเท่านั้น แต่การประกอบตัวอักษรด้วยโครงสร้างแบบ Modular ยังช่วยบรรจุความจัดจ้านให้กับแบบตัวอักษร อนุญาตให้เกิดองค์ประกอบบางอย่างที่สะดุดตาและสร้างการจดจำในฐานะคัสตอมฟอนต์ อาทิ การเชื่อมต่อของตัว N, โค้งปลายเปิดของตัว R, การประกอบร่างระหว่างหัวสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดและตัวของ ฃ &nbsp;<figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_9_310a32aac1.jpg"></figure><figure class="image"><img src="/uploads/LOGA_10_2344e35e86.jpg"></figure>