'จุฬาภรณ์ลิขิต' กับบทบาทในฐานะฟอนต์มาตรฐานราชการไทย
➜ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ได้มีการประกาศให้ชุดแบบอักษรพระราชทาน 'จุฬาภรณ์ลิขิต' เป็นชุดแบบอักษรมาตรฐานราชการไทยแบบที่ 14 หากเราพิจารณาเนื้อความในประกาศอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่จะต้องตื่นตระหนกกับการเพิ่มแบบตัวอักษรสำหรับหน่วยราชการในครั้งนี้ เพราะนี่เป็นเพียงการเพิ่มเข้าไปจากเดิมต่อจาก 13 ฟอนต์แห่งชาติที่เคยประกาศใช้
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ได้มีการประกาศให้ชุดแบบอักษรพระราชทาน ‘จุฬาภรณ์ลิขิต’ เป็นชุดแบบอักษรมาตรฐานราชการไทยแบบที่ 14 หากเราตัดเรื่องความเหมาะสมของเวลาที่ประกาศในสถานการณ์ที่ดูไม่เป็นใจเท่าไรนักออกไปแล้วนั้น ยังคงมีความกังวลใจจากหลายๆ คนหรือภาคส่วนถึงความเหมาะสมที่มีต่อแบบตัวอักษรจุฬาภรณ์ลิขิตในฐานะฟอนต์มาตรฐานราชการไทย
หากเราพิจารณาเนื้อความในประกาศอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่จะต้องตื่นตระหนกกับการเพิ่มแบบของตัวอักษรสำหรับหน่วยราชการในครั้งนี้ เพราะนี่เป็นเพียงการเพิ่มเข้าไปจากเดิม ต่อจาก 13 ฟอนต์แห่งชาติที่เคยประกาศใช้ โดยมี ‘TH SarabunPSK’ (สามารถอ่านหรือฟังเรื่องราวของฟอนต์สารบรรณได้ที่นี่) เป็นฟอนต์หลักสำหรับหน่วยงานราชการ มิใช่การแทนที่แต่อย่างใด ลำดับต่อไปคือการต้องมาดูกันว่าผู้ใช้งานจริงอย่างหน่วยงานราชการนั้นจะนำไปใช้งานกันอย่างไร
ความกังวลในฐานะเนื้อความ
แบบตัวอักษร หรือ ฟอนต์ (Font) จุฬาภรณ์ลิขิต (ถูกเผยแพร่ให้ใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ภายใต้เงื่อนไขแบบ OFL (Open Font License) ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับ Google Fonts อ่านเพิ่มได้ที่นี่) หากเรามองไปที่วัตถุประสงค์ตั้งต้นของฟอนต์ชุดนี้แล้ว (สามารถอ่านเบื้องหลังการออกแบบได้ที่นี่) จากภาพโปรโมตเราจะเห็นได้ว่า มีการนำเอาจุฬาภรณ์ลิขิต ดิสเพลย์ (Chulabhorn Likhit Display) มาใช้ในการนำเสนอ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้พบเห็นบางส่วน แต่ถ้าเราเข้าไปอ่านรายละเอียดจากบทความดูจะพบว่า จุฬาภรณ์ลิขิตถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมการใช้งานทั้งในฐานะตัวเนื้อความ (Text) และพาดหัว (Display) ได้รับการออกแบบมาด้วยโจทย์ที่ชัดเจน บวกกับองค์ความรู้ในการออกแบบตัวอักษรที่ในเวลานี้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ส่งผลให้แบบที่ออกมาตรงกับความต้องการในการใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการที่มีทั้งตัวพาดหัวและน้ำหนักที่หลากหลาย ส่งผลให้จุฬาภรณ์ลิขิตสามารถทำงานได้ครอบคลุมในหลายๆ พื้นที่การใช้งาน ซึ่งเป็นแบบที่หาได้ค่อนข้างยากสำหรับฟอนต์ไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับ 13 ฟอนต์แห่งชาติจะพบว่า การใช้งานอาจจะไม่ได้ครอบคลุมเมื่อเทียบกับจุฬาภรณ์ลิขิต แต่ถ้าพูดถึงในฐานะของตัวเนื้อความ จุฬาภรณ์ลิขิตได้รับการตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ดีในฐานะของตัวเนื้อความ แต่ด้วยความที่ฟอนต์สารบรรณนั้นได้ถูกใช้ในฐานะตัวแทนของน้ำเสียงในเอกสารราชการมาอย่างยาวนาน ส่งผลต่อภาพจำและความคุ้นเคยกับผู้อ่านได้มากกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จุฬาภรณ์ลิขิตอาจจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการนำไปใช้งานจริงในฐานะของตัวเนื้อความต่อไปในอนาคต
ถึงตรงนี้มันก็คงจะไม่แฟร์ที่จะนำความคุ้นเคยที่มีมาเป็นเกณฑ์ในการประเมิน เหมือนกับว่าเรากำลังเอาคนที่เราเพิ่งรู้จักไปเทียบกับคนที่เรารู้จักมานานแล้ว เราไม่สามารถจะไว้วางใจคนที่เราเพิ่งรู้จักได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเราเองว่าจะเปิดโอกาสทำความรู้จักคนใหม่ๆ คนนี้ในชีวิตไหม

ฟอนต์สำหรับหน่วยงานราชการ
ก่อนที่จะพูดถึงความเหมาะสม เราอาจต้องกลับไปตั้งคำถามถึงคุณลักษณะของฟอนต์สำหรับหน่วยงานราชการก่อนว่าควรจะเป็นรูปแบบใด แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือมีความเป็นทางการและเน้นไปที่การใช้งานเนื้อความเป็นหลัก เพราะจำเป็นจะต้องใช้ในเอกสารหรือประกาศต่างๆ นอกเหนือจากนั้น หากลองใส่เป็นสมการว่า ตัวแปรคือไม่แสดงออกถึงบุคลิกบางอย่างจนเกินไป และมีความเป็นมาตรฐานเพียงพอที่จะใช้ในนามของภาครัฐได้ จากเงื่อนดังกล่าว เมื่อลองพิจารณาแบบอักษรมาตรฐานราชการไทยทั้ง 13 ตัวที่มีมาก่อนหน้า เราจะพบว่ามีหลายๆ ตัวอาจจะดูไม่ตรงกับโจทย์ที่ตั้งเอาไว้สักเท่าไร เนื่องด้วยเทคโนโลยีและองค์ความรู้ในสมัยนั้นก็อาจจะไม่มากพอที่จะช่วยผลักดันให้ผลผลิตออกมาได้ตามที่ต้องการอย่างเต็มที่ จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าสารบรรณจะถูกเลือกให้เป็นด่านหน้าของทั้ง 13 ตัวที่ถูกเลือกขึ้นมาจากการที่ตอบโจทย์ทุกข้อที่กล่าวมาและถูกใช้มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้ ส่งผลต่อความเข้าใจและภาพจำของคนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่มีต่อแบบตัวอักษรภาษาไทย

ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
ระบบการจัดการกับสระวรรณยุกต์แบบใหม่ (Mark to Mark) ที่สอดรับกับการใช้ร่วมเทคโนโลยีในปัจจุบัน
จุฬาภรณ์ลิขิตได้ใช้การจัดการกับสระวรรณยุกต์ระบบ Mark to Mark เมื่อเทียบกับ 13 ฟอนต์แห่งชาติที่ใช้ระบบเก่า หรือที่รู้จักกันในชื่อของ Liga ผลก็คือการใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ ก็จะสามารถใช้งานได้ครอบคลุมหลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าจะต้องใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์แบบเก่า ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรม Adobe CS6 หรือเวอร์ชันเก่ากว่านั้น ในบางกรณีระบบ Liga ก็จะสามารถทำงานได้ดีกว่า ซึ่งจริงๆ แล้ว 13 ฟอนต์แห่งชาติเองก็ได้มีการอัปเดตเป็นระบบ Mark to Mark และเผยแพร่ผ่านช่องทางของ Google Fonts (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ถูกประกาศให้อัปเดตในระบบของราชการแต่อย่างใด

ขนาดของตัวอักษรที่มีสัดส่วนใกล้เคียงกับฟอนต์มาตรฐานยุคใหม่ ทำให้สามารถพิมพ์เทียบเคียงกับฟอนต์อื่นๆ (สมัยใหม่) ได้โดยที่ไม่ต้องปรับขนาดของตัวหนังสือมากนัก
ฟอนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงหลังๆ ได้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดที่ใกล้เคียงกัน เมื่อเทียบกับฟอนต์ยุคเก่าอย่าง Angsana, Browallia, Cordia หรือรวมไปถึง 13 ฟอนต์แห่งชาติที่มีขนาดที่เล็กกว่า ผลก็คือเวลาที่ต้องใช้งานร่วมกับฟอนต์ภาษาอื่นๆ ก็จำเป็นจะต้องขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงกัน ปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบไปถึงซอฟต์แวร์บางชนิด เช่น Microsoft Office ที่ได้มีการตั้งค่าให้ภาษาไทยมีขนาด (Point Size) ใหญ่กว่าปกติเมื่อใช้งานร่วมกับฟอนต์ภาษาอื่นๆ จึงทำให้หลายๆ ครั้งผู้ใช้จะพบว่าฟอนต์ภาษาไทยสมัยใหม่ (รวมไปถึงจุฬาภรณ์ลิขิต) จะมีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติเมื่อใช้ร่วมกับฟอนต์กับภาษาอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้จะต้องตั้งค่าขนาดของตัวหนังสือใหม่อยู่เสมอสำหรับการใช้งานครั้งแรก ซึ่งจริงๆ แล้ว 13 ฟอนต์แห่งชาติเวอร์ชันอัปเดตที่ได้มีการเผยแพร่อยู่ใน Google Fonts ได้มีการปรับขนาดให้อยู่ในความสูงที่ใกล้เคียงกับฟอนต์ยุคใหม่อื่นๆ แล้วเช่นกัน


ในทางกลับกัน เอกสารราชการได้ระบุให้สารบรรณถูกกำหนดใช้ในขนาด 16 พอยต์ (อ้างอิง) เมื่อนำจุฬาภรณ์ลิขิตไปใช้แทนที่ จะพบว่าจุฬาภรณ์ลิขิตมีขนาดใหญ่กว่าพอสมควร อาจสร้างปัญหาให้กับตัวเอกสารเก่าๆ ได้ หรือถ้าต้องการจะใช้ในเอกสารใหม่ๆ ก็คงจะต้องมีการกำหนดขนาดมาตรฐานการใช้งานในเอกสารกันใหม่เพื่อการทำงานที่ราบรื่น
ทั้งนี้ผู้เขียนได้มีการเปรียบเทียบขนาดและความหนามาให้เห็น สำหรับผู้ที่สนใจหรือมีความสงสัยว่าควรจะปรับแก้อย่างไร เผื่อว่าจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องผ่านมาเห็น จะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปพิจารณา โดยอ้างอิงจากข้อกำหนดเดิมที่ถูกระบุไว้ว่า สารบรรณ PSK น้ำหนัก Regular ขนาด 16 พอยต์ จะเทียบเท่ากับจุฬาภรณ์ลิขิต น้ำหนัก Light ขนาด 11 พอยต์ หรือ สารบรรณ Google Fonts น้ำหนัก ExtraLight ขนาด 11 พอยต์

โครงสร้างมีการใช้เส้นที่มีปลายจบแบบโค้งมน เพื่อสร้างความรู้สึกละมุนให้ภาพรวมของแบบ
การใช้เส้นที่มีปลายจบแบบโค้ง ส่งผลให้จุฬาภรณ์ลิขิตดูมีความเป็นมิตรมากขึ้นก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็สูญเสียความเป็นทางการลงด้วยเช่นกันเมื่อเทียบกับสารบรรณ นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้จุฬาภรณ์ลิขิตขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนของสารบรรณได้ยากในแง่ของความเป็นทางการ

ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอัตลักษณ์ประจำองค์กร
การที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอัตลักษณ์ประจำองค์กร นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่ตัวฟอนต์จะมีการหยิบเอาลักษณะเฉพาะบางประการเข้ามาอยู่ในตัวแบบ เพื่อให้ผู้พบเห็นสร้างการจดจำหรือระลึกถึงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นั่นหมายความว่าจุฬาภรณ์ลิขิตอาจจะไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขการใช้งานฟอนต์ในฐานะตัวแทนน้ำเสียงของราชการที่ต้องการความเป็นกลาง ไม่สื่อถึงหน่วยงานหรือองค์กรใดๆ อย่างชัดเจนได้

บทสรุป
มาถึงจุดนี้หลายๆ คนคงมีคำตอบในใจที่แตกต่างกันออกไปตามแต่จะเลือกมอง ถ้าหากเราลองมองกลับไปที่ 13 ฟอนต์แห่งชาติก่อนหน้านี้ หลายๆ ตัวก็มีบุคลิกภาพที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นการจะเพิ่มจุฬาภรณ์ลิขิตเข้าเป็นไปส่วนหนึ่งในทางเลือกใช้ฟอนต์ของหน่วยงานราชการ ก็คงจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากนัก เพียงแต่ผู้ใช้ต้องให้เวลาในการสร้างภาพจำและทำความคุ้นเคยเหมือนอย่างที่ฟอนต์อื่นๆ ได้เป็นมา
This website uses cookies to ensure you get the best experience on our websiteLearn more